Articles

ปัญหาการติดเชื้อ และโรคของปลาทะเล

การติดเชื้อของปลาในระบบปิด มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ การนำปลาตัวใหม่เข้ามาในระบบซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่ง ปลาตัวใหม่อาจจะกลายเป็นภาหะนำโรคและปรสิตได้ เนื่องจากพวกที่อยู่เดิมอาจจะไม่มีภูมิต้านทาน ฉะนั้นการกักปลาใหม่ไว้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อนั้นสามารถแก้ปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่งและการกักปลานั้นยังทำให้คุณดูว่ามันจะอยู่ร่วมกันได้ไหมอีกด้วย แต่ถึงแม้เราจะทำการกักโรค แต่ปัญหาต่างๆก็อาจเกิดขึ้นได้ เหมือนสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดได้เสมอ

การกักปลาไว้ในตู้กักก่อนลงตู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าในตู้ทะเลจะไม่มีเชื้อโรคอยู่ หากเปรียบเทียบกับท้องทะเลนั้นตู้ทะเลของเราคับแคบเกินไปหากมีการติดโรคหรือปรสิตเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามสัตว์น้ำทั้งหลายก็มีระบบภูมิต้านทานโรคเองอยู่แล้ว

หากเราให้การรักษาอย่างถูกต้องการติดเชื้ออาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะบางโรคสามารถรักษาได้

การเจ็บป่วยของปลาอาจเกิดจากอยู่กันแออัดเกินไป หรือการให้อาหารมากไป

จนของเสียในระบบมากเกินจนเกิดสารแอมโมเนียซึ่งเกินกว่าที่ความสามารถของระบบจะรับได้

อาการ New tank syndrome (ตู้ที่พึ่งตั้งใหม่ๆ ระบบกำจัดของเสียยังไม่เสถียรดี) สามารถก่อให้เกิดอาการเดียวกันได้ ซึ้งเกิดจากการ

สะสมของสารแอมโมเนีย ไนไตรหรือไนเตรดเกินกว่าระดับที่ทนทานได้

การติดเชื้อของปลาทะเล

วิธีทั่วไปที่จะดูว่ามีการติดเชื้อของปลา สามารถดูได้จากอาการที่แสดงออกมาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ หรือว่าพฤติกรรมของปลา อาการบางอย่างนั้นสามารถเยียวยา หรือทำให้บรรเทาลงนั้นสามารถทำได้ง่ายในทันที

โดยผู้เลี้ยงปลาต้องจับปลาที่ป่วยออกมาเพื่อไม่ให้ปลาตัวที่เหลืออยู่ติดเชื้อด้วย ถ้าอาการติดเชื้อไม่สามารถสังเกตุเห็นจากตาเปล่าได้ จำเป็นต้องใช้การวินิจฉัย หรือใช้วิธีทดสอบโดยห้องทดลองเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ

ถ้าผู้เลี้ยง ไม่สะดวกที่จะทำการแยกปลาที่ป่วยมากักไว้ หรือว่าปลาที่ป่วยนั้นไม่สามารถที่จะจับขึ้นมาได้ มันก็จำเป็นที่จะต้องรักษาทั้งระบบ แม้การรักษาตัวเดียวจะง่ายกว่ามากก็ตาม มันก็มีความเป็นไปได้ที่ว่าปลาที่ไม่ได้ป่วยในระบบจะเกิดอาการติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น เมื่อเราจำเป็นต้องทำการรักษาทั้งระบบ หากเป็นตู้เลี้ยงปะการังแล้วละก็ การใส่ยาลงในตู้อาจจะทำให้ปะการังที่มีอยู่และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวก กุ้ง Pod และแบคทีเรียที่ช่วยสลาสของเสียในระบบมีปัญหาและอาจจะตายได้ เราจึงไม่นิยมใส่ยาลงตู้เลี้ยงเพื่อเลี่ยงปัญหาระบบล่มตามมา แต่อย่างไรก็ตามยารุ่นใหม่ๆบางชนิดสามารถใช้กับตู้ที่เลี้ยงปะการังได้แต่อาจจะมีผลข้างเคียงกับปะการังบางชนิด ทั้งนี้การใส่ยาลงตู้เลี้ยงปะการังเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อาจจะเป็นทางเลือกขั้นสุดท้ายที่เลือกใช้ในการรักษาปลาทะเล

เมื่อปลามีอาการป่วย โปรดจำไว้ว่าอาการป่วยทั้งหมดไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิตเท่านั้น อาการป่วยยังเกิดจากการที่มีสารพิษในน้ำซึ่งเกิดจาก การดูแลรักษาที่ไม่ดี หรือ เกิดจากการที่มีสารพิษแพร่จากอากาศไปสู่น้ำในระบบหรืออาการป่วยสามารถเกิดจาก ภาวะขาดแคลน อาหาร, อาการหวาดกลัว ,พันธุกรรม(โดยธรรมชาติ) ซึ่งไม่สามารถรักษาได้เช่น เนื้องอก หรือ กระดูกสันหลังคดงอ ฉะนั้นหากคุณสังเกตุไม่พบสัญญาณที่บอกว่าเป็นอาการติดเชื้อหรือเกิดจากพาราไซด์ ให้คิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่นไปก่อน การเยียวยาที่ผิดจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงเท่านั้น

การปรึกษาขอความช่วยเหลือจากผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์ เป็นทางออกที่ดีกว่า

Viral Disease โรคที่เกิดจากไวรัส

ไวรัสเป็น พาราไซด์ขนาดเล็กของเซลล์. ไม่สามารถสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ได้

เป็นที่รู้กันว่าเป็นสาเหตุของโรคติดต่อจำนวนมาก แต่มีการศึกษาไวรัสในปลาน้อยมาก

Lymphocystis virus

เป็นสาเหตุทำให้เซลล์บวมอย่างผิดปกติแลtรวมตัวกันกลายเป็นก้อนเนื้อ

ตอนแรกจะดูเหมือนปุยขนหรือเชื้อรา ต่อมาจะดูคล้ายสาคูบนผิวหรือครีบปลา

และจะกลายเป็นปุ่มคล้ายดอกกระหล่ำขนาดประมาณครึ่งนึ้ว.

เราไม่มีวิธีรักษาอาการนี้ได้โดยตรง แต่ว่าอาการติดเชื้อจากไวรัสนี้ จะถึงจุดอิ่มตัวของมันเอง

อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดคือทำลายปลาที่ติดเชื้อก่อนที่มันจะนำเชื้อโรคไปติดตัวอื่นๆ

การติดเชื้อที่เส้นข้างลำตัวถูกคิดว่าเกิดจากไวรัส บางครั้งสามารถเยียวยาได้โดยเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมหรือรักษาค่าน้ำให้ดี NO2 < 0.01 mg/l , NO3 < 2 mg/l

อาการนี้นานๆจะส่งผลกับปลามากกว่าหนึ่งตัวหรือสองตัว และดูเหมือนว่าอัตราการติดเชื้อจะต่ำ

อาการนี้ยังไม่มีวิธีเยียวยาได้โดยตรง. อาการติดเชื้อจะเริ่มจากหัวของปลา

และไล่ลงมาที่เส้นข้างลำตัวทำให้เส้นข้างลำตัวดูเปลี่ยนไป

การรักษา สามารถใช้ภูมิคุ้มกันของตัวปลาสามารถกำจัดไวรัสออกไปได้โดยรักษาสภาพแวดล้อมและค่าน้ำให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ อาการเหล่านี้มักจะหายเองได้ภายใน 1 เดือนถ้าค่าน้ำปกติดี และปลายังแข็งแรงกินอาหารได้เป็นปกติ

ภาพหลังจากการรักษาค่าน้ำให้เหมาะสมเป็นเวลา  3 อาทิตย์

Bacterial Diseases โรคติดต่อที่เกิดจากแบคทีเรีย

โรค Finrot (โรคเหงือกเปื่อยหางเปื่อย)

แบคทีเรียนั้นร้ายกว่าไวรัส และสามารถแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเองได้และยังเป็นสาเหตุให้ปลาป่วยได้หลายๆอย่าง.

เราไม่ค่อยมีโอกาศที่จะศึกษาเกี่ยวกับสปีชี่ของแบคทีเรียมากนักว่าชนิดไหนทำให้เกิดอาการอย่างไร

แต่เราสามารถวิเคราะห์จากประสบการณ์ว่าอาการนี้เกิดจากแบคทีเรียตัวไหนและจะรักษาอย่างไร

อาการเกล็ดพองออกสีแดงบนตัวปลาหรือบนครีบปลานั้นสามารถเปลี่ยนเป็นแผลเปื่อย

และทำให้ปลาต้องเสียครีบ เรายังเรียกอาการนี้ว่าหางเน่าหรือครีบเน่า อาการนี้โดยทั่วไปเกิดจากแบคทีเรีย Pasteurella , Vivrio

หรือ Pseudomonas (Aeromonas) ทั้งหมดนี้เราเรียกว่า Gram-negative และอาการนี้ไม่มีปฏิกิริยากับยาปฏิชีวนะ

การรักษาทั้งระบบสำหรับอาการนี้สามารถทำได้ และถ้าเราลงมือทำตั้งแต่เนิ่นๆ ให้ระบบสะอาด โดยชำระล้าง(ฆ่าเชื้อโรค)ด้วยยาเหลือง(Acriflavine,trypaflavine)หรือ Monacrin (กรดโมโนอมิโน) ก็ใช้ได้เหมือนกัน

วิธีรักษา

ให้เตรียมสารความเข้นข้น 0.2% ปริมาณ 1 ช้อนชา ต่อน้ำหนึ่งแกลลอน ละลายในน้ำสะอาดให้ทำซ้ำถ้ามีตะกอนสีเหลือหรือสีฟ้า ปกติจะทำทุกๆ 3 วัน ถ้าอาการติดเชื้อไม่หายไปในหนึ่งอาทิตย์ให้เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น จะดีมากหากไม่ใช้ Antibiotics ในระบบเป็นวิธีรักษา เพราะว่ามันไม่ค่อยได้ผลในน้ำเค็ม  แต่สามารถใช้มันได้โดยเราจะผสมมันลงในอาหารแทนในอัตรา ส่วน 1%. Chloromycetin , neomycin หรือ gentamycin ทั้งสามนี้สามารถรักษาอาการนี้ได้

อาหารที่เหมาะจะเอามาผสมกับยาที่สุดคือ Flake แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามหากปลายอมกินก็ถือว่าใช้ได้แล้ว.

การให้อาหารผสมยานั้นต้องให้สองครั้งต่อวัน.

ถ้าปลาไม่ยอมกินเราก็จำเป็นที่ต้องทำการรักษาทั้งระบบแทน แต่ถ้าทำแล้วได้ผลน้อยก็ให้จับปลาที่ป่วยแล้วแยกออกมาทำการรักษาต่างหาก.

วิธี รักษาให้ปิดระบบกรองทั้งหมดแล้วเปิด Biological Filter วันละสองครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมงรักษาปลาที่จับแยกออกมาโดยให้ยา 50 mg ต่อหนึ่งแกลลอน

และทำซ้ำทุกๆสองวัน. ให้เปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่น ถ้าทำการรักษาไปสามครั้งแล้วแต่ยังไม่เห็นผล

ยาสำเร็จรูปของ Prodibio

ปริมาณการใช้โปรดอ่านตามฉลาดที่ระบุ และไม่แนะนำให้ใส่ลงตู้ปะการัง ควรแยกออกมารักษาต่างหาก

โรคTuberculosis

ทำให้ปลาดูโทรม ท้องเป็นแอ่งบุม หางฉีกขาดและผิวหนังอักเสบหรือทำให้กระดูกสันหลังเสียรูป

การรักษานั้นทำได้ยากและควรพิจรณาใช้กับปลาที่สำคัญๆ

อาการเหล่านี้เกิดจากไมโครแบคทีเรีย Mycobacterium bacteria ซึ่งสามารถรักษาได้โดยวิธี Isoniazid

ทำได้โดยให้ปลากินยาปฏิชีวนะเข้าไป หรือใส่เข้าไปในน้ำโดยมีอัตราส่วน 50 mg ต่อน้ำหนึ่งแกลลอน และทำทุกๆสามวันในแต่ละครั้งที่ทำต้องถ่ายน้ำออก 25% การรักษาอาจต้องใช้เวลาถึง 2 เดือน ฉะนั้นควรทำควรใช้วิธีนี้กับปลาที่สำคัญๆ และควรใส่ใจกับความสะอาดและวิธีป้องกัน

* โรคนี้สามารถติดต่อสู่คนได้ โปรดระวัง

Dropsy(โรคบวมน้ำ)

จะทำให้มีอาการบวมบริเวณช่องท้อง

อาการนี้เกิดจาก Kidey Disease ซึ่งทำการสะสมในของเหลวภายในตัวปลา

อาการนี้ทำให้เกร็ดส่วนอื่นๆของปลา กระทั่งดวงตา ปูดยื่นออกมา

แต่ไม่ทำให้ติดเชื้อ แบคทีเรียที่มีส่วนเกี่ยวข้องคือ Coryne แบคทีเรีย

ซึ่งมีปฏิกริยากับยาปฏิชีวนะ(PenicillinและErythromycin)

เป็นแบคทีเรียชนิด Gram-positive

การรักษาแนะนำให้ทำการรักษาโดยการกินเข้าไป

หรือใช้วิธีผสมยาปฎิชีวนะลงในน้ำด้วยอัตราส่วน 50 mg ต่อน้ำ 1 แกลลอน

ทำซ้ำทุกๆ 2 วันและดูดน้ำออก 25% ทุกครั้ง

Chondrococcus columnaris ทำให้เกิดอาการ month fungus (การติดเชื้อราที่ปาก)

พบในปลาน้ำจืด, บางครั้งจะติดไปที่สัตว์ทะเล. อาการนี้จะก่อให้เกิดแผลสีเทาหรือขาวบนผิวและครีปปลา

ใช้วิธีรักษาเดียวกับอาการเกร็ดสีแดง

Protozoan diseases อาการติดเชื้อจากโปรโตซัว(ปรสิต)

ปรสิต เป็นสัตว์เซลล์เดียวบางครั้งจะมีขนาดใหญ่จนเห็นได้ด้วยตาเปล่า.

ปรสิตเป็นสาเหตุใหญ่ทำให้ปลาในตู้ทะเลติดเชื้อ(โรคสนิมหรือที่เราเรียกในวงการปลาทะเลว่า ออดิเนี่ยม และ จุดขาว)

ออดิเนี่ยม (Marine velvet)

เป็นอาการที่เราต้องระวังอยู่เสมอ และยังเป็นอาการที่ยากต่อการป้องกัน

ออดิเนี่ยม เป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่เราต้องมีการกักปลาแยกไว้ เนื่องจากเมื่อมีการติดเชื้อปลาในตู้อาจจะไม่รอดหรือมีโอกาสรอดน้อยมาก

อาการที่เห็นจะคล้ายกับผงฝุ่นสีขาว อยู่ทั่วผิวของปลา

และทำให้ปลามีอาการหอบหายใจเร็ว รวมทั้งอาการเหงือกติดเชื้อ

และเอาตัวถูไปกับสิ่งของรอบตัวเพื่อลดอาการคัน.

ตัวต้นเหตุของอาการนี้คือ Amyl oodinium ocellatum ซึ่งสามารถว่ายไปในน้ำได้อย่างอิสระ

มันจะไปฝังตัวที่ปลาหรือที่เหงือกและทำลายเนื้อเยื่อ. ทำให้เกิดถุงน้ำฝังอยู่ภายในร่างกาย

และจะหลุดออกจากร่างกายภายในไม่กี่วัน โดยให้จะเกิดใหม่เป็นวัฐจักร

ซึ่งมันจะมีวงจรชีวิตประมาณ 10 วันในน้ำเขตร้อน.

วิธีรักษาที่ดีที่สุดคือ Copper sulphate (คอปเปอร์ซัลเฟต) หรือ Copper citrate (คอปเปอร์ไซเตรด)

ซึ่งสารทั้งสองหาได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือการผสมลงไปในน้ำทะเล.

อัตราส่วนที่ใส่เข้าไปนั้นต้องมีการระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะคอปเปอร์นั้นเป็นพิษต่อปลาไม่ต่างจากตัวปรสิตเอง

คอปเปอร์สามารถทำลายสาหร่ายและพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในน้ำได้.

ฉะนั้นควรย้ายสาหร่ายและพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังออกจากระบบก่อน

มันง่ายมากที่จะทำการรักษาทั้งระบบ

วิธีทำ ให้เตรียมสาร 1% ของ blue copper sulphate (อยู่ในลักษณะของแข๊ง) ในน้ำกลั่น

(ไม่ควรน้ำประปาจะทำให้เกิดการตกตระกอน) และใช้ปริมาณ 0.28 ml ต่อน้ำหนึ่งแกลลอน.

ซึ่งจะได้ 0.15 ppm metallic copper(เป็นปริมาณที่แนะนำให้ใช้).

แต่บางส่วนอาจจะเสียไปโดยเศษประการัง หรือ กรวดหิน อื่นๆ.

ฉะนั้นจะดีที่สุดหากมีการใช้ชุดตรวจคอปเปอร์(Copper kit). พยายามให้ได้ค่าอยู่ระหว่าง 0.12 – 0.18 ppm(mg/liter)

แต่ถ้าคุณไม่มีชุดตรวจให้ใส่คอปเปอร์ทุกๆสามวัน และคอยระวังการเกิดพิษ

อาการของพิษคือปลามีอาการหอบหายใจ ตะแขงข้างเดียวและอาการตาโปน.

ถ้าพบว่ามีอาการเป็นพิษให้เปิด Carbon Filter แต่ Biological Filter สามารถเปิดไว้ได้

ถึงแม้ว่าอัตรา copper จะลดลงต่ำกว่าช่วงที่แนะนำไว้. การรักษาต้องทำอย่างน้อย 10 วัน

แต่แนะนำให้รักษาต่อเนื่อง 2 สัปดาห์. ถุงน้ำบนตัวปลา จะไม่หายไป. แต่จะไม่มีอันใหม่เพิ่มขึ้นมา.

การเตรียมการจัดการกับ Copper , โดยทั่วไปแล้วสารประกอบคอปเปอร์จะติดอยู่เป็นเดือน

และยากต่อการกำจัดทึ้งจากระบบและยังยากต่อการควบคุมระดับความเข้มข้นในน้ำ.

เมื่อเราจะใช้ยารักษา ต้องคำนวณปริมาณของน้ำให้แม่นยำที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้.

มันเหมือนจะเป็นทฤษฏีที่จำเป็นเลยที่เดียว ทำได้โดยคำนวนขนาดตู้ลบด้วย

จำนวนของก้อนหินและทรายกับพื่นที่ว่างข้างบน แล้วนำไปคูณด้วย 0.95

แล้วนำค่านี้ไปใช้คำนวณปริมาณที่ต้องใช้

การกำจัด Copper ยังทำได้โดยการใช้ ถ่านคาร์บอน

White Spot (อาการจุดขาว)

ปลาที่เป็นโรคจุดขาวยังสามารถกินเก่งและว่ายได้อย่างแข็งแรง อาจจะไม่ต้องทำการรักษา สามารถหายด้วยภูมิคุ้มกันของตัวปลาเองได้ เมื่อปลามีสุขภาพที่แข็งแรงโดยมีค่าน้ำที่สะอาดและยังได้อาหารอย่างเพียงพอ

โรคจุดขาวเป็นอีกโรคติดต่อที่พบบ่อยมากเกิดจาก Cryptocaryon irritans.

ซึ่งจะทำให้มีจุดขาวใหญ่กว่า อาการของโรคออดิเนียม. และจะมองเห็นเหมือนหัวเข็มหมุดฝังเข้าไปในผิว,ครีบหรือในเหงือก.

ปรสิตตัวนี้สามารถว่ายในน้ำได้อย่างอิสระ ซึ่งวางไข่บนตัวปลา(ลักษณะเป็นถุงน้ำ). และจะหลุดออกจากตัวปลาในเวลาสั้น.

ปรสิตชนิดนี้เติบโตที่พื้นของระบบ.และจะว่ายอยู่ในน้ำอย่างอิสระ.

วิธีรักษาใช้วิธีเดียวกับวิธีรักษาเดียวกับโรคออดิเนียม.

และ White spot ยังสามารถใช้วิธีอื่นทำการรักษาได้โดยที่มีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังรวมอยู่ด้วยได้โดยใช้ Quqnine(สารอัลลอยด์ ชนิดหนึ่ง). โดยอัตราส่วนที่แนะนำคือ Quqnine hydrochloride 2g หรือ Quqinine sulphate(ละลายได้น้อยกว่า) ต่อน้ำ 25 แกลลอน

และเปลี่ยนน้ำครึ่งหนึ่งในวันที่สาม และใส่ Quqinine ในอัตราส่วน 1/2. แนะนำให้เปลี่ยนน้ำออกครึ่งหนึ่งอีกครั้งในวันที่หก

และใส่ Quqinine ในอัตราส่วน 1/2 . ทำการรักษาต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลที่ดีอีกครั้งในช่วง 10 วัน.

Sporazoa

เป็นปรสิตทำให้เกิดอาการติดเชื้อซึ่งรักษาไม่หายในปลาในเวลาไม่กี่วัน

โดยปลาทั้งหมดจะติดเชื้อตามกัน. อาการที่ติดเชื้อจากปรสิตตันนี้ที่พบบ่อยๆในตู้ทะเลคือ

1 Henneguya ก่อให้เกิด ถุงน้ำขนาดใหญ่ ค่อนข้างเหมือน Lymphocystis บนตัวปลา.

2 Plistophora ก็ก่อให้เกิด ถุงน้ำขนาดใหญ่ซึ่งบวมออกมาจากใต้ผิวหนัง

3 Glugea ก่อให้เกิดถุงน้ำในกล้ามเนื้อ.

ปลาทุกตัวที่ติดเชื้อแนะนำให้ทำลายทึ้ง

Uronema disease

เกิดจากเชื้อ  Uronema marinum

มี อาการเลือดออกจากผิวหนังของปลา ตาขุ่น ปลามักเอาตัวถูกับหิน โดยปกติปลาที่ติดเชื้อนี้มักจะไม่รอดเนื่องจากมีอาการเหงือกเป็นแผลทำให้ หายใจลำบาก

การรักษา

ดิบน้ำจืดทุกวันสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง

Tang turbellarian disease, black spot (โรคจุดดำ)

เกิดจากการติด Paravortex flatworms

ส่วนมากจะเกิดกับปลาจำพวก Tang ในขั้นแรกมีจุดดำๆเล็กๆในบริเวณครีบต่างๆและบริเวณตัวปลา ปลามักมีการเอาตัวถูกกับหินเป็นระยะๆ โรคนี้สามารถลุกลามระบาดไปยังปลาอื่นๆในตู้ได้

การรักษาสามารถทำได้โดย ดิบน้ำจืด แต่ หากปลาที่เป็นโรคจุดดำยังสามารถกินเก่งและว่ายได้อย่างแข็งแรง อาจจะไม่ต้องทำการรักษา สามารถหายด้วยภูมิคุ้มกันของตัวปลาเองได้ เมื่อปลามีสุขภาพที่แข็งแรงโดยมีค่าน้ำที่สะอาดและยังได้อาหารอย่างเพียงพอ

FUNGI เชื้อรา

เชื้อราเป็นพืชซึ่งขาดสารย้อมสีเขียว และขาดคอร์โลฟิวล์.

เชื้อราที่ทำให้ปลาทะเลติดเชื้อมากที่สุดคือ Ichthyosporidium (Ichthyophonus) hoferi

ซึ่งเป็นโรดติดต่อสำหรับปลาน้ำจืดเหมือนกัน. เชื้อราตัวนี้จะถูกกินเข้าไปพร้อมกับอาหารและปฏิกูล

ซึ่งจะแพร่เข้าสู่กระแสเลือด และไปรวมตัวอยู่ในตับ. มันจะกระจายไปทั่วในลักษณะคล้ายถุงน้ำ

ขนาด 1/10 นึ้ว. อาการที่เห็นคือปลาจะมีอาการเฉื่อยท้องเป็นหลุม และเสียการทรงตัว.

ภายหลังถุงน้ำจะเปลี่ยนจากสีเหลืองกลายเป็นสีน้ำตาล โผล่ขึ้นมาให้เห็นบนผิวหนัง.

การติดเชื้อตัวนี้จะไม่ฆ่าปลาในทันที ปลาที่ติดเชื้อไม่ควรเลี้ยงรวมอยู่กับตัวที่ยังไม่ติดเชื้อ

ไม่อย่างนั้นจะทำให้ปลาตัวอื่นติดเชื้อไปด้วย.

วิธีรักษานั้นยังไม่มีแน่ชัด แต่แนะนำให้ใส่

phenoxethol หรือ chloromycetin 1% ลงไปในอาหาร(ต้องกักตัวแยกออกมารักษา)

หรือจะให้ลงไปในระบบหลังจากแยกปลาที่ป่วยออกไปกักไว้แล้ว เพื่อป้องกันให้ตัวที่เหลือไม่ต้องติดเชื้อตาม

About author

ชื่นชอบการเลี้ยงปลาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงปลาทะเลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
Related posts
Articles

ตะไคร่ในตู้ปลาทะเล

Articles

9 ขั้นตอนในการทำตู้ทะเล (ฉบับ 2021)

Articles

รู้จักกับระบบกรองน้ำในตู้ทะเล

Articles

Palytoxin พิษที่อันตรายถึงตายที่มากับปะการังกระดุมที่ไม่ควรมองข้าม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ยอมรับ Google Analytics

    ข้าพเจ้ายอมรับให้มีการใช้งาน Google Analytics บนเว็บไซต์แห่งนี้

Save